วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ชาย 2 คน กับหน้าต่าง 1 บาน

ชายสองคนป่วยหนักทั้งคู่ ต้องเข้าพักรักษาตัวในห้องเดียวกันที่โรงพยาบาล ชายคนแรกนั้น แพทย์อนุญาตให้ลุกนั่งได้วันละ 1 ชั่วโมงในช่วงบ่าย เพื่อช่วยระบายของเหลวในปอด เตียงของเขาอยู่ริมหน้าต่างซึ่งมีเพียงอยู่บานเดียวในห้องนั้น
ชายอีกคนหนึ่ง แพทย์จัดให้นอนราบอยู่บนเตียงตลอดเวลา ชายทั้งสองคนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน ได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวชีวิตของตนเอง พวกเขาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องภรรยา ครอบครัว บ้าน การงาน เรื่องสมัยถูกเกณฑ์ทหาร และเรื่องที่ไปเที่ยวที่ต่างๆ ในวันพักผ่อน

ทุกวันในช่วงบ่าย ชายที่นอนเตียงริมหน้าต่าง จะบรรยายให้เพื่อนร่วมห้องฟังว่า มีอะไรเกิดขึ้นภายนอกบ้าง ทำให้ชายคนที่ต้องนอนราบอยู่รู้สึกดีขึ้น จากเวลา 1 ชั่วโมงซึ่งเพื่อนผู้อยู่ริมหน้าต่างบรรยายให้ฟังถึงเรื่องราวของโลกภายนอกมันทำให้เขารู้สึกราวกับว่า เขาได้ดำเนินชีวิตตามปกติ โลกของเขาดุกว้าขึ้น และมีชีวิตชีวาขึ้น จากกิจกรรมหลากสีสันของชีวิตที่ดำเนินไปในโลกภายนอก
ชายที่ได้รับโอกาสให้ลุกนั่ง บรรยายให้ชายที่ต้องนอนราบตลอดเวลา เห็นภาพว่าภายนอกหน้าต่างนั้น เมื่อมองออกไปจะเห็นทะเลสาบที่งดงาม ฝูงเป็ดและหงส์สีขาวลอยล่องอยู่บนผิวน้ำ ในขณะที่เด็กๆ กำลังสนุกสนานกับการเล่นเรือใบจำลองลำจิ๋ว คู่รักหนุ่มสาวเดินจูงมือกันหยอกล้อกันอย่างแสนสุข ท่ามกลางดอกไม้สีสันสวยงามที่เบ่งบานอยู่โดยรอบ และหากมองไปไกลออกไปก็จะแลเห็นตึกรามอันทันสมัยในตัวเมืองอยู่ลิบๆ

ในขณะที่ชายที่นอนริมหน้าต่างบรรยายให้เพื่อนฟังถึงรายละเอียดต่างๆ ด้านนอก ชายที่นอนราบอยู่ก็หลับตาลงพลางจินตนาการเห็นภาพตามไปด้วยอย่างมีความสุข

ยามบ่ายของวันที่อบอุ่นวันหนึ่ง ชายที่นอนอยู่ริมหน้าต่างได้เล่าว่า มีขบวนพาเหรดขบวนหนึ่งกำลังผ่านมา แม้ว่าชายอีกคนจะไม่ได้ยินเสียงของวงดนตรีเลย แต่เสมืองเขาสามารถได้รับฟังและแลเห็นขบวนพาเหรดอันตระการตานั้นได้จากคำบรรยายของเพื่อนที่พรรณนาได้อย่างละเอียดลออ

วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน เช้าวันหนึ่ง เมื่อพยาบาลได้เข้าไปดุแลคนไข้ เธอได้พบร่างอันสงบนิ่งไร้วิญญาณของชายที่นอนริมหน้าต่าง เขาได้จากไปอย่างสงบขณะนอนหลับ เธอรู้สึกเศร้าและได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายฌาปนกิจมารับร่างของเขาไปจัดการตามประเพณี

เมื่อพิธีศพผ่านไปเรียบร้อย ชายที่เป็นเพื่อนร่วมห้องได้เอ่ยปากขอย้ายเตียงไปนอนที่ริมหน้าต่างแทนเพื่อนผู้จากไปของเขา พยาบาลยินดีจัดการให้ตามคำขอนั้น และเมื่อจัดที่ทางให้คนไข้เรียบร้อย เธอก็ออกจากห้องไปปล่อยให้เขานอนที่เตียงใหม่ตามลำพัง

ชายผู้ซึ่งต้องนอนราบกับเตียงมาเป็นเวลานอน ได้พยายามใช้ศอกยันตัวเองขึ้นมา แม้ว่ามันจะเจ็บปวดและยากลำบาก ด้วยความกระหายที่จะได้มองเห็นความสวยงามของโลกภายนอกด้วยตาของตนเอง และเมื่อเขายันกายขึ้นมองผ่านหน้าต่างบานนั้นไปได้ เขากลับเห็นเพียงแค่ผนังตึกว่างๆ !!! ด้วยความข้องใจ เขาได้สอบถามนางพยาบาลผุ้ดูแลเพื่อนร่วมห้องผู้เพิ่งจากไป ผู้ซึ่งได้พรรณนาถึงความงดงามของโลกภายนอกที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นให้เขาฟังตลอดมา

นางพยาบาลเล่าว่า ชายผู้เพิ่งจากไปนั้น ที่แท้เขาได้รับบาดเจ็บจนตาบอดสนิททั้งสองข้าง ไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นว่ามีผนังว่างเปล่าภายนอกหน้าต่างบานนั้นด้วยซ้ำ เธอบอกว่า "ที่เขาเล่าให้คุณฟังถึงโลกภายนอกที่สวยงามนอกหน้าต่าง อาจเพราะแต่อยากให้กำลังใจแก่คุณเท่านั้น"

เรื่องนี้สอนเราว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในโลกที่เราสามารถทำให้ผู้อื่นมีความสุขได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม การเล่าเรื่องทุกข์ใจของเราให้คนอื่นได้รับรู้นั้น อย่างมากก็แค่ทำให้ความทุกข์ของเราลดไปบ้างเล็กน้อย แต่หากเราแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้อื่น ผลคือ เราก็สุข เขาก็สุข ความสุขจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น